วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

การแต่งคำประพันธ์

ความหมายของคำประพันธ์



 คำประพันธ์   คือ ถ้อยคำที่ได้ร้อยกรอง หรือเรียบเรียงขึ้น โดยมีข้อบังคับ จำกัดคำ และวรรคตอน ให้รับสัมผัสกันอย่างไพเราะ ตามกฎเกณฑ์ ที่ได้วางไว้ในฉันทลักษณ์  คำประพันธ์ จำแนกออกเป็น ๔ ชนิดใหญ่ๆ คือ โคลง ลิลิต  ฉันท์ กาพย์ และ กลอน  คำประพันธ์ที่ดี จะต้องประกอบด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑.มีข้อความดี 
๒.มีสัมผัสดี
๓.แต่งถูกต้องตามลักษณะบังคับ 

ประเภทของคำประพันธ์ไทย

 คำประพันธ์ที่ส่วนใหญ่นำมาใช้ในการเรียนการสอนปัจจุบัน มี ๔ ประเภท ดังนี้

ประเภทของคำประพันธ์ไทย

 คำประพันธ์ที่ส่วนใหญ่นำมาใช้ในการเรียนการสอนปัจจุบัน มี ๔ ประเภท ดังนี้





คำประพันธ์ประเภท "กลอน"

    กลอน  คือ  ลักษณะคำประพันธ์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะบังคับคณะและสัมผัส  แต่ไม่บังคับ  เอกโท  และ  ครุ-ลหุ   กลอนสองวรรคเท่ากับหนึ่งบาท กลอนสี่บาทเท่ากับหนึ่งบท  วรรคทั้งสี่ของกลอนยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันอีก  คือ
          ๑.  วรรคแรก  หรือ วรรคสดับ    คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงเต้น  (คือนอกจากเสียงสามัญ)  จะทำให้เกิดความไพเราะ  แต่ถ้าจะใช้เสียงสามัญก็ไม่ห้าม


          ๒.  วรรคสอง หรือ  วรรครับ     คำสุดท้ายของวรรคนิยมเสียงจัตวา  จะใช้เสียงเอก  เสียงโทบ้างก็ได้  แต่ไม่ควรใช้เสียงสามัญหรือเสียงตรี  ถ้าจะใช้เสียงเอก  คำสุดท้ายของวรรครองควรเป็นเสียงตรี  

          ๓.  วรรคสาม หรือ วรรครอง    คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงสามัญ  ไม่ควรใช้  คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์

          ๔.  วรรคสี่  หรือ  วรรคส่ง   คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงสามัญ  ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์  จะใช้คำตายเสียงตรีบ้างก็ได้



    ในที่นี้เราจะมาเรียนรู้รูปแบบฉันทลักษณ์ในการแต่งคำประพันธ์ประเภทกลอน ๓ ประเภท ด้วยกัน คือ

  
  
                                                                   กลอนสักวา

                                                                   กลอนดอกสร้อย
    
     

กลอนสุภาพ

แผนผังกลอนสุภาพ




                                                                                         กลอนสุภาพพึงจำมีกำหนด                      กลอนหนึ่งบทสี่วรรคกรองอักษร 

                                                   วรรคละแปดพยางค์นับศัพท์สุนทร                   อาจยิ่งหย่อนจ็ดหรือเก้าเข้าหลักการ    

                                                  ห้าแห่งคำคล้องจองต้องสัมผัส                         สลับจัดรับรองส่งประสงค์สมาน 

                                                  เสียงสูงต่ำต้องเรียงเยี่ยงโบราณ                     เป็นกลอนกานท์ครบครันฉันท์นี้เอย

กลอนสักวา

แผนผังกลอนสักวา


                                                           สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน                 ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม
                               
                                           กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพยอม                  อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
                               
                                          แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม                ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม
                               
                                         ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์                            ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย

กลอนดอกสร้อย

แผนผังกลอนดอกสร้อย


                                                                    เด็กเอ๋ยเด็กน้อย                             ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา
            
                                                    เมื่อเติบใหญ่เจ้าจะได้มีวิชา                             เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

                                                    ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน          จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล

                                                    ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน                              เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย

คำประพันธ์ประเภท "กาพย์"

       กาพย์    เป็นคำประพันธ์ชนิดหนึ่งที่บังคับจำนวนคำและสัมผัส จัดวรรคต่างจากกลอนและไม่บังคับเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค ไม่มีบังคับเอก-โท

เหมือนโคลง และไม่มีบังคับครุและลหุเหมือนฉันท์ กาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ปรากฏมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีทั้งที่แต่งเป็นหนังสืออ่านเล่น แต่งเป็น

หนังสือสวด หรือเป็นนิทาน กระทั่งเป็นตำราสอนก็มี  กาพย์มีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน ในที่นี้ขออธิบายรูปแบบ

ฉันทลักษณ์ในการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ ๓ ชนิดด้วยกัน ดังนี้





กาพย์ยานี ๑๑

แผนผังกาพย์ยานี ๑๑

                                                                สิบเอ็ดบอกความนัย                     หนึ่งบาทไซร้ของพยางค์

                                                     วรรคหน้าอย่าเลือนราง                            จำนวนห้าพาจดจำ

                                                    หกพยางค์ในวรรคหลัง                             ตามแบบตั้งเจ้าลองทำ

                                                    สัมผัสตามชี้นำ                                         โยงเส้นหมายให้เจ้าดู

                                                    สุดท้ายของวรรคหนึ่ง                                สัมผัสตรึงสามนะหนู

                                                    หกห้าโยงเป็นคู่                                          เร่งเรียนรู้สร้างผลงาน


กาพย์ฉบัง ๑๖

แผนผังกาพย์ฉบัง  ๑๖  






                                        ฉบังสิบหกความหมาย                 หนึ่งบทเรียงราย
                            นับได้สิบหกพยางค์

                                        สัมผัสชัดเจนขออ้าง                   เพื่อเป็นแนวทาง
                        ให้หนูได้คิดคำนึง

                                        พยางค์สุดท้ายวรรคหนึ่ง             สัมผัสรัดตรึง
                        สุดท้ายวรรคสองต้องจำ

                                        สุดท้ายวรรคสามงามขำ              ร้อยรัดจัดทำ
                        สัมผัสรัดบทต่อไป

                                        บทหนึ่งกับสองว่องไว                 จงจำนำไป
                        เรียงถ้อยร้อยกาพย์ฉบัง
     

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

แผนผังกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘



                            สุรางคนางค์            เจ็ดวรรคจัดวาง               วรรคหนึ่งสี่คำ
       
 สัมผัสชัดเจน                     เป็นบทลำนำ              กำหนดจดจำ                     รู้ร่ำรู้เรียน
                        
                        รู้คิดรู้อ่าน                 รู้ประสบการณ์                รู้งานอ่านเขียน
      
  รู้ทุกข์รู้ยาก                     รู้พากรู้เพียร                 ประดุจดวงเทียน          ประดับปัญญาฯ

คำประพันธ์ประเภท " โคลง "

    โคลงสี่สุภาพ    เป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองชนิดหนึ่ง ซึ่งมีปรากฏในวรรณคดีไทยมานานแล้ว วรรณคดีไทยฉบับที่เก่าและมีชื่อเสียงมากฉบับหนึ่งคือ "ลิลิตพระลอ" มีโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งถูกยกมาเป็นบทต้นแบบที่แต่งได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ คือนอกจากจะมีบังคับสัมผัสตามที่ต่าง ๆ แล้ว ยังบังคับให้มีวรรณยุกต์เอกโทในบางตำแหน่งการประพันธ์โคลงสี่สุภาพ  

ลักษณะโคลงสี่สุภาพ

    คณะของโคลงสี่สุภาพ คือ บทหนึ่ง มี 4 บาท (เขียนเป็น 4 บรรทัด) 1 บาทแบ่งออกเป็น 2 วรรค โดยวรรคแรกกำหนดจำนวนคำไว้ 5 คำ ส่วนวรรคหลัง ในบาทที่ 1,2 และ 3 จะมี 2 คำ (ในบาทที่ 1 และ 3 อาจเพิ่มสร้อยได้อีกแห่งละ 2 คำ) ส่วนบาทที่ 4 วรรคที่ 2 จะมี 4 คำ รวมทั้งบท มี 30 คำ และเมื่อรวมสร้อยทั้งหมดอาจเพิ่มเป็น 34 คำ

ส่วนที่บังคับ เอก โท (เอก 7 โท 4) ดังนี้
บาทที่ 1 (บาทเอก) วรรคแรก คำที่ 4 เอก และคำที่ 5 โท
บาทที่ 2 (บาทโท) วรรคแรก คำที่ 2 เอก วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ 2 โท
บาทที่ 3 (บาทตรี) วรรคแรก คำที่ 3 เอก วรรคหลัง คำที่ 2 เอก
บาทที่ 4 (บาทจัตวา) วรรคแรก คำที่ 2 เอก คำที่ 5 โท วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ 2 โท

แผนผังโคลงสี่สุภาพ

                                            เสียงลือเสียงเล่าอ้าง                     อันใด พี่เอย

                                เสียงย่อมยอยศใคร                                 ทั่วหล้า

                                สองเขือพี่หลับใหล                                 ลืมตื่น ฤๅพี่

                                สองพี่คิดเองอ้า                                     อย่าได้ถามเผือ


คำประพันธ์ประเภท "ฉันท์"

    ฉันท์ คือลักษณะถ้อยคำที่กวีได้ร้อยกรองขึ้น เพื่อให้เกิดความไพเราะ โดยกำหนดครุ ลหุและสัมผัสเป็นมาตรฐาน  ฉันท์เป็นคำประพันธ์ที่ได้แบบอย่างมาจากอินเดีย เดิมแต่งเป็นภาษาบาลี และสันสกฤตไทยนำเปลี่ยนแปลงลักษณะบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมในคำประพันธ์ไทย 

แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์

   

                                            
                                            โขดเขินศิรขรเขา              ณ  ลำเนาพนาลัย
                    
                                     สูงลิ่วละลานนั -                         ยนพ้นประมาณหมาย
                        
                                     ยอดมัวสลัเมฆ                        รุจิเรขเรียงราย

                                    เลื่อมเลื่อมศิลาลาย                     ก็สลับระยับสี

http://youtu.be/2tl3_dV6j6chttp://youtu.be/27OOFj2ZE2M